วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

10 หนังหลอน-สยองไม่ควรพลาด


                   การนั่งดูหนังสยองสั่นประสาทกับเพื่อนฝูงก็เป็นกิจกรรมหรรษามิใช่น้อย เราจึงขอแนะนำ 10 หนังแนว หลอนหรือ สยองที่คุณไม่ควรพลาด
1. 28 Weeks Later (2007, Juan Carlos Fresnadillo, อังกฤษ)
หนังซอมบี้ภาคต่อจาก 28 Days Later ที่สนุกไม่แพ้ภาคแรก หนังว่าด้วยสองพี่น้องที่ต้องหนีตายจากเหล่าผู้คนที่ติดเชื้อไวรัสจนกลายเป็นผีบ้าไล่กินเนื้อคน แถมเหล่าทหารยังสั่งให้ปิดล้อมพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งทำให้หนังเล่นกับเรื่องของพื้นที่ปิดกับการหนีตายเอาชีวิตรอดของคนได้อย่างสุดเหวี่ยง นอกจากนั้น 28 Weeks Later ยังวิพากษ์รัฐบาลทหาร/รัฐบาลเผด็จการไปในตัวด้วย โดยเฉพาะในฉากที่นายพลสั่งฆ่าผู้คนทั้งหมดโดยไม่สนว่าจะเป็นซอมบี้หรือคนธรรมดา
2. Funny Games (1997, Michael Haneke, ออสเตรีย)
ถึงชื่อหนังจะแปลได้ว่าเกมแสนสนุกแต่เราขอเตือนไว้ก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่สนุกเอาเสียเลย เพราะ Funny Games คือหนังที่รบกวนโสตประสาทของคุณได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง หนังเล่าถึงครอบครัวแสนสุขที่ไปพักผ่อนในบ้านตากอากาศ แต่เมื่อมีชายอ้วนผอมคู่หนึ่งมาเคาะประตูขอไข่ เรื่องราวก็ดิ่งสู่หายนะทันที คนแปลกหน้าทั้งสองจับครอบครัวนี้เป็นตัวประกัน พร้อมทั้งกลั่นแกล้งพวกเขาสารพัด หนังเหมือนจะให้ความหวังกับคนดูว่าตัวเอกจะรอด แต่ผู้กำกับก็ทำลายแสงสว่างนั้นลงอย่างเลือดเย็น

3. Hotel (2004, Jessica Hausner, ออสเตรีย)
ไอรีน สาวหน้าสวยเข้าทำงานเป็นพนักงานต้อนรับในโรงแรมเงียบสงบกลางป่าลึก ต่อมาเธอได้รู้ว่าหญิงคนที่ทำงานก่อนหน้าเธอนั้นหายตัวไปอย่างลึกลับ แล้วไอรีนจะประสบชะตากรรมเดียวกันหรือเปล่า? คนดูชาวไทยส่วนใหญ่มักก่นด่าว่าหนังน่าเบื่อและชวนหลับเหลือเกิน เพราะ Hotel ไม่ใช่หนังเน้นมุขตกใจตุ้งแช่เหมือนหนังสยองขวัญทั่วไป แต่กลับเน้นที่บรรยากาศอันลึกลับ เย็นชา และชวนพิศวง หนังยังโดดเด่นด้านการถ่ายภาพและการเล่นแสงเงาอย่างสุดๆ ด้วย

4. Ichi the Killer (2001, Takashi Miike, ญี่ปุ่น)
ถ้าคุณชอบหนังบู๊บ้าบอสติแตกประเภท Kill Bill นี่คือหนังสำหรับคุณโดยเฉพาะ หนังยากูซ่าฆ่ากันเรื่องนี้ประกอบไปด้วยฉากโหดมันฮามากมาย อาทิ ฉากตัดลิ้นสดๆ, ผ่าตัวคนครึ่งซีก หรือ ทรมานคนด้วยการเอาตะขอยักษ์เกี่ยว (เหวอ!) แถมพระเอกของเรื่องยังมีปากที่ฉีกถึงใบหูเสียด้วย อ้อ ขอแถมท้ายว่าผู้กำกับคนนี้ยังทำหนังเพี้ยนๆ อีกมากมาย เช่น Audition (1999) ที่มีฉากฝังเข็มอันเลื่องลือ และ Visitor Q (2001) ที่มีฉากพ่อซื้อบริการไซด์ไลน์จากลูกสาว และลูกชายที่เอาแส้ฟาดหน้าแม่ตัวเอง

5. Inside (2007, Alexandre Bustillo + Julien Maury, ฝรั่งเศส)
ซาร่าห์เป็นสาวท้องแก่ที่สูญเสียสามีไปเมื่อหลายเดือนก่อน คืนหนึ่งมีหญิงสาวลึกลับมาขอใช้โทรศัพท์ ซาร่าห์รู้สึกไม่ไว้วางใจจึงปฏิเสธอีกฝ่ายไป แต่หญิงคนนั้นกลับบุกเข้ามาในบ้านพร้อมกับกรรไกรอันเขื่อง โดยสิ่งที่เธอต้องการก็คือลูกในท้องของซาร่าห์ (กรี๊ด)นี่คือหนังสยองขวัญจากฝรั่งเศสที่โด่งดังมากที่สุดในรอบสองปีนี้ นอกจากความโหดแล้ว การแสดงของ Beatrice Dalle ในบทสาวเสียสติก็ยังน่าทึ่งจนถึงขั้นขอกราบเท้า

6. Kairo (2001, Kiyoshi Kurosawa, ญี่ปุ่น)
เด็กหนุ่มมหาวิทยาลัยอยากจะลองเล่นอินเตอร์เน็ตกับเขาดูบ้าง แต่หลังจากคอนเน็คเข้ากับโลกไซเบอร์เขาก็พบกับเหตุการณ์ลึกลับมากมาย ว่าไปแล้วแทบไม่น่าเชื่อว่าหนังที่สร้างในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังเป็นของใหม่ แต่พอมาดูในวันนี้ (ยุคที่ hi5, Twitter และ Facebook ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม) มันก็ยังร่วมสมัยอยู่ หนังอุปมาเรื่องของเหล่าวิญญาณอ้างว้างกับการฝังตัวอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตของคนสมัยใหม่ได้อย่างคมคาย เชื่อเถอะว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วคุณจะไม่อยากเล่นเน็ตไปสามวัน

7. Let the Right One In (2008, Tomas Alfredson, สวีเดน)
ถ้าคุณชอบหนังแนวแวมไพร์ แต่รู้สึกว่า Twilight หน่อมแน้มไปหน่อย เราก็ขอแนะนำหนังเรื่องนี้ Let the Right One In เล่าถึงเด็กชายขี้หงอที่ผูกมิตรกับสาวข้างห้องที่บอกว่าเธออายุ 12 มานานแล้ว และเกินเลือดมนุษย์เป็นอาหาร หนังมีชั้นเชิงด้วยการสอดแทรกประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในวัยรุ่น, เพศสภาพอันคลุมเครือของตัวละคร หรือการเปรียบเทียบความแปลกแยกของคนกับชีวิตของผีดูดเลือด


8. The Mist (2007, Frank Darabont, อเมริกา)
เมื่อหมอกปริศนาเข้าปกคลุมหมู่บ้าน สัตว์ประหลาดมากมายก็ออกมาอาละวาดฆ่าคน ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งติดอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต พวกเขาเริ่มเครียดจนแทบบ้า แถมยังมีคุณป้าคลั่งศาสนา (มอบการแสดงอันสุดยอดโดย Marcia Gay Harden) ที่เอาแต่พูดถึงเรื่องวันสิ้นโลกจนทำให้คนอื่นสติแตกตามไปด้วย หนังตั้งคำถามอย่างกลายๆ ว่าคนหรือสัตว์ประหลาดกันแน่ที่น่ากลัวกว่ากัน ทีเด็ดของหนังยังอยู่ที่ฉากจบอันอื้อฉาวด้วย


9. [REC] (2007, Jaume Balaguero + Paco Plaza, สเปน)
ถ้าคุณชอบหนังแนวเหวี่ยงกล้องประหนึ่งได้ไปอยู่ในเหตุการณ์จริงแบบ Cloverfield ก็ห้ามพลาดเรื่องนี้ หนังว่าด้วยนักข่าวสาวที่ไปสัมภาษณ์ตำรวจดับเพลิง เธอจับพลัดจับผลูตามเหล่าตำรวจไปที่ตึกแห่งหนึ่ง แต่ความซวยก็คือ ตึกหลังนั้นเต็มไปด้วยซอมบี้! ตัวหนังเองทำได้ตื่นเต้นชนิดไม่ให้พักหายใจ แต่บางตอนก็ดูพยาย๊ามพยายามจะถ่ายทำแบบเรียลลิตี้โชว์ไปหน่อย [REC] ถูกฮอลลีวู้ดซื้อไปรีเมคในชื่อ Quarantine ด้วย แต่หลายเสียงยืนยันว่าฉบับดั้งเดิมสนุกว่าจ้า


10. 13 เกมสยอง (2006, ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล, ไทย)
เรื่องสุดท้ายเราขอปิดท้ายด้วยหนังไทยก็แล้วกัน โดยหนังเล่าถึง ภูชิต (น้อง วงพรู กับการแสดงที่ดีที่สุดของเขา) ชายหนุ่มผู้ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก อยู่ดีๆ เขาก็ได้รับโทรศัพท์ลึกลับที่ท้าให้เขาเล่นเกม 13 ด่าน เพื่อแลกกับเงิน 100 ล้านบาท เกมที่ว่าก็มีตั้งแต่กินแมลงวัน ไปจนถึงกินอุจจาระเต็มจาน (แว้ก) ถึงแม้ว่าหนังจะสยองสู้ตระกูล ลองของไม่ได้ แต่เราก็ขอเลือกเรื่องนี้เพราะหนังสามารถสะท้อนภาพสมัยหนึ่งที่สังคมไทยตกอยู่ในยุคทุนนิยมอย่างสุดขั้วได้อย่างดี 


เครดิต  merveillesxx

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น